ตั้งแต่ท่านกลับใจ และเทศน์สอนไม่เป็นผล และกลับไปบ้านที่เมืองทาร์ซัสนี้
ตัวท่านเองเล่าไว้ใน กท 1 : 17 – 18 ว่าเป็นช่วงเวลาประมาณ 3 ปี และในช่วง 3 ปีนี้
ก่อนจะมาหาอัครสาวกที่กรุงเยรูซาเล็ม ท่านยังได้เข้าไปในทะเลทรายอาระเบีย
(เยื้องมาทางตะวันออกเฉียงใต้ของดามัสกัส) เพื่อสวดภาวนา และสงบจิตใจ

 

ตรงนี้น่าสังเกตว่า ท่านเทศน์สอนด้วยความร้อนรนหลังจากกลับใจ แต่ไม่เป็นผล
อาจอธิบายได้ว่าพระเป็นเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้ท่านใช้วิธีร้อนรนแบบเดิม
ที่ท่านเคยเบียดเบียนคริสตชนกลับนำมารับใช้พระองค์ ความร้อนรนจะเป็นแบบใหม่คือ
แบบที่มีองค์พระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลาง มิใช่ความเก่งกาจสามารถแบบเซาโลคนเดิมอีกต่อไป
และท่านต้องไปสวดภาวนาสงบจิตใจ เข้าเงียบในทะเลทราย เพื่อเรียนรู้น้ำพระทัยและวิธีการของพระเป็นเจ้า
มิใช่ของท่านใน กท 1 : 18 – 19 ท่านยังกล่าวด้วยว่า การมากรุงเยรูซาเล็มในครั้งนี้
ท่านไม่พบอัครสาวกอื่นใดยกเว้นเปโตร และยากอบผู้น้องของพระเยซูเจ้า เป็นอันว่ามี 3
ปีที่หายไปช่วงแรกจากนั้นเรายังพบท่านเล่าใน กท 2 : 1 อีกว่า 14 ปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มอีก

 

การมาเยรูซาเล็มครั้งที่สองนี้ เป็นการมาหลังการออกแพร่ธรรมครั้งแรกกับบาร์นาบัสแล้ว ปัญหาคือ 14 ปีต่อมา
นับจากการกลับใจ หรือนับจากไปพบเปโตรที่เยรูซาเล็มครั้งแรกนั้น
ถ้านับจากกลับใจก็แสดงว่าท่านอยู่บ้านที่ทาร์ซัสรวมกับ 3 ปีแรกที่เทศน์ไม่เป็นผล รวมกันเป็น 12 ปี
เพราะเราตีเสียว่าการออกแพร่ธรรมกับบาร์นาบัสที่อันทิโอก แคว้นซีเรีย และแคว้นปิสิเดีย
เป็นเวลา 2 ปีแล้ว (2 + 12 = 14 ปี) จึงพูดถึง 14 ปีนี้
แต่ถ้านับจากไปพบเปโตรที่กรุงเยรูซาเล็มครั้งแรกก็จะกลายเป็น 17 ปี (14 + 3 ปีที่เทศน์ไม่เป็นผล)
ซึ่งคงจะนานเกิดความเป็นจริง ตัวเลขน่าจะเป็นว่า :

 

+ แพร่ธรรมไม่บังเกิดผล 3 ปี

+ กลับไปบ้านที่เมืองทาร์ซัส 9 ปี

+ แพร่ธรรมกับบาร์นาบัส 2 ปี

 

รวมเป็น 14 ปี จึงขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มดังที่เขียนไว้ใน กท 2 : 1 – 10
เพื่อตกลงกันเรื่องคริสตชนจำเป็นต้องเข้าสุหนัตหรือไม่
12 ปีที่หายไปของนักบุญเปาโลนับเป็นเวลาไม่น้อยที่ใช้ไปเพื่อ :

 

1. ท่านต้องเรียนรู้ที่จะแพร่ธรรม โดยมีพระเยซูเจ้าเป็นศูนย์กลาง มิใช่ความร้อนรนเก่งกาจของท่านเป็นศูนย์กลาง
ซึ่งจะไม่ประสบผลสำเร็จ และต้องเข้าไปเข้าเงียบในทะเลทรายอาระเบียเพื่อยอมรับความจริงข้อนี้

 

2. การจะมารับใช้พระเป็นเจ้า เราทุกคนล้วนต้องได้รับการชำระตนให้สะอาดบริสุทธิ์
พระเป็นเจ้าทรงประทานโอกาสให้เราทุกคนได้ชดเชยใช้โทษบาปซึ่งแม้แต่กรณีของนักบุญเปาโล
ที่เคยเบียดเบียนองค์พระเยซูเจ้า คือ พระศาสนจักร (กจ 9 : 3 – 5) ก็ไม่ยกเว้น

 

ท่านต้องยอมรับผลของการเบียดเบียนที่ท่านเคยกระทำไป
แต่เมื่อท่านได้ชดเชยใช้โทษบาปใน 12 ปีที่หายไปนั้น
บัดนี้พระเป็นเจ้าทรงนำท่านกลับมาทำงานอย่างบังเกิดผล

 

คำถาม สุดท้ายคือ นักบุญเปาโลรักษาความเชื่อของท่านไว้ได้อย่างไรตลอดเวลา 12 ปีนี้?
อะไรที่หล่อเลี้ยงดวงใจของท่านไว้ไม่ให้เสียความเชื่อ และละทิ้งพระเป็นเจ้าไป? การเทศน์อย่างไร้ผล 3 ปี
และกลับใจไปใช้ชีวิตอย่างเงียบเหงาที่บ้านเมืองทาร์ซัสอีก 9 ปี....

 

นี่เป็นพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าล้วน ๆ ที่พระองค์ทรงมีต่อผู้รับใช้ของพระองค์ท่านนี้
ทั้งยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าท่านได้พบองค์พระเยซูเจ้าจริง ๆ เหตุการณ์วันที่ท่านพบพระองค์นั้นหล่อเลี้ยงดวงใจท่าน
เมื่อนั่งลงคิดถึงก็ซาบซึ้งใจ ไม่ว่าจะเป็นวันเงียบเหงาเพียงใดของชีวิต

 

และนี่จึงเป็นวันที่มีความสุขอีกวันหนึ่งสำหรับเราที่ทบทวน
เรื่องราวของท่านกับบรรดาสัตบุรุษที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันใน “ปีนักบุญเปาโล”

 

โดยคุณพ่อพงศ์เทพ ประมวลพร้อม
อุดมสาร รายสัปดาห์ ปีที่ 32
ฉบับที่ 24 ประจำวันที่ 29 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม 2008